VISPRO
แสงสีฟ้า ภัยร้ายจากหน้าจอ
แสงสีฟ้า ภัยร้ายที่แฝงมากับหน้าจอและอุปกรณ์ดิจิตอล เป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูง สามารถทะลุผ่านกระจกตาและเลนส์ ทำให้มีอันตรายมากยิ่งกว่ารังสี UV
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโทเลโดของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ผลการศึกษาดังกล่าวลงในวารสาร Scientific Reports โดยระบุว่าการจ้องมองแสงสีฟ้าติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ดวงตาสร้างสารพิษขึ้นในเซลล์รับแสง จนเกิดอาการจอประสาทตาเสื่อมได้เร็วก่อนวัยอันควร
ผลกระทบของแสงสีฟ้า ต่อดวงตาคุณ
ปวดตา เคืองตา
มักเป็นในคนที่ทำงานหรือใช้หน้าจอเป็นเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนักในการปรับโฟกัสภาพ
ตาแห้ง
ขณะจ้องจอการกะพริบตาจะลดลงถึง
60% ส่งผลให้น้ำตาระเหยมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการตาแห้ง แสบตา
อาการตามัว เห็นภาพเบลอ
เกิดจากการมองภาพในระยะใกล้เป็นเวลานาน บวกกับแสงสะท้อนจากจอ และแสงสว่างที่ไม่เพียงพอ
จอประสาทตาอาจเสื่อม
แสงสีฟ้าสามารถทะลุเข้าไปและทำลายเซลล์รับแสงในจอตา
อาจทำให้การมองเห็นส่วนกลางแย่ลงได้ เป็นสาเหตุของจอประสาทตาเสื่อม
จอประสาทตาเสื่อมภัยเงียบใกล้ตัว
จอประสาทตาจอประสาทตาเสื่อม
(Age-Related Macular Degeneration: AMD)
คือ โรคที่เกิดจากความเสื่อมในส่วนกลางของจอประสาทตา เป็นโรคที่ทำให้คนไทยเกิดภาวะสูญเสียการมองเห็นเป็นลำดับต้นๆ
โรคนี้มักพบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ด้วยการใช้ชีวิตติดหน้าจอในปัจจุบัน ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นรคนี้มีอายุต่ำลงเรื่อยๆ
(Age-Related Macular Degeneration: AMD)
คือ โรคที่เกิดจากความเสื่อมในส่วนกลางของจอประสาทตา เป็นโรคที่ทำให้คนไทยเกิดภาวะสูญเสียการมองเห็นเป็นลำดับต้นๆ
โรคนี้มักพบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ด้วยการใช้ชีวิตติดหน้าจอในปัจจุบัน ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นรคนี้มีอายุต่ำลงเรื่อยๆ
อาการของโรคจอประสาทตาเสื่อม
มองเห็นภาพบิดเบี้ยว มองเห็นเส้นตรงเป็นเส้นคด
มองไม่เห็นส่วนกลางของภาพ การมองภาพต้องใช้แสงเพิ่มมากขึ้น
และการมองเห็นสีลดลง
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่สามารถหยุดหรือชะลอ
เพื่อให้จอประสาทตาเสื่อมช้าที่สุด โดยมีวิธีการรักษา ได้แก่ การฉีดยา
การใช้เลเซอร์พลังงานต่ำและสารไวแสง เลเซอร์พลังงานสูง หรือหลายวิธีร่วมกัน
มองไม่เห็นส่วนกลางของภาพ การมองภาพต้องใช้แสงเพิ่มมากขึ้น
และการมองเห็นสีลดลง
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่สามารถหยุดหรือชะลอ
เพื่อให้จอประสาทตาเสื่อมช้าที่สุด โดยมีวิธีการรักษา ได้แก่ การฉีดยา
การใช้เลเซอร์พลังงานต่ำและสารไวแสง เลเซอร์พลังงานสูง หรือหลายวิธีร่วมกัน
คุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือเปล่า?
หลายปัจจัยส่งผลให้คุณเสี่ยงกับโรคจอประสาทตาเสื่อมมากขึ้น
กลุ่มคนที่อยู่หน้าจอเป็นระยะเวลานาน เช่นพนักงานออฟฟิศและอาชีพค้าขายออนไลน์ เป็นต้น
กลุ่มคนสูบบุหรี่
กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง
ที่เพิ่มความเสี่ยงเรื่องดวงตา เช่นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดัน และเบาหวาน
กลุ่มคนสูงอายุ
อายุ 40 ปีขึ้นไป
การถนอมดวงตาคุณคือสิ่งจำเป็น
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมด้วยสารอาหารครบถ้วน • ตรวจตาเป็นประจำ
• พักสายตาจากหน้าจอ
• วิตามินและเกลือแร่สำคัญที่ช่วยบำรุงสายตา
• พักสายตาจากหน้าจอ
• วิตามินและเกลือแร่สำคัญที่ช่วยบำรุงสายตา
AREDS 2 สูตรจากงานวิจัยของ National Eye Institute USA
สูตรวิตามินบำรุงสายตา AREDS และ AREDS 2 ถูกวิจัยและพัฒนาโดยทีมนักวิจัย สถาบันดวงตาแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา มากว่า 20 ปี และมีผู้เข้าร่วมการศึกษามากกว่า 8,000 คน
AREDS 2 ให้ผลในการลดความเสี่ยงและชะลออาการของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้มากถึง 40%
วิตามินบำรุงสายตาสูตร AREDS 2 ประกอบไปด้วย
ลูทีน และ ซีแซนทีน : เป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบในจุดรับภาพที่ จอประสาทตา และเลนส์ตา มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และชะลอการเกิดต้อกระจก และโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
สังกะสี : ลดความเสี่ยงของการเสื่อมสภาพของเม็ดสีและให้การปกป้องจอประสาทตา
วิตามินซี : รักษาและป้องกันโรคต้อหินตลอดจนการบำรุงรักษาเนื้อเยื่อคอลลาเจนในดวงตา
วิตามินอี : ต้านอนุมูลอิสระและชลอการเกิดต้อกระจก
ทองแดง : เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอมไซม์ต้านอนุมูลอิสระในดวงตา
Omega-3
โอเมก้า-3
สามารถบรรเทาอาการตาแห้ง โดยจะทำให้ต่อมไขมันบริเวณเปลือกตาทำงานได้ดีขึ้น
ต่อมชนิดนี้หน้าที่การผลิตไขมันมาเพื่อเคลือบชั้นของน้ำตาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาระเหยเร็วจนเกินไป
เหมาะกับคนที่ต้องทำงานหน้าจอคอม หรือมือถืออยู่ตลอดเวลา
จากการศึกษา
โดยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศหญิงจำนวน 32,000 คน พบว่า ผู้ที่บริโภค Omega-3 จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะมีอาการตาแห้งได้อย่างเห็นผล
เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้บริโภค
นอกจากนี้ Omega-3 ยังมีส่วนช่วยในการรักษาโรคตาอื่นๆ
ได้อีกด้วย
โดยช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นเลือดที่ผิดปกติที่เกิดจากโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ
และโรคที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดในจอปะสาทตาโรคอื่นๆ
Bilberry
บิลเบอร์รี่
สุดยอดของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ได้รับความนิยมในแถบยุโรปและอเมริกา
อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน ช่วยในเรื่องการมองเห็น
และลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ช่วยป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก
และป้องกันจอประสาทตาเสื่อม
ในปี 2015 มีงานวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น ที่แสดงให้เห็นว่า
การรับประทานสารสกัดบิลเบอร์รี่
ช่วยลดอาการอ่อนล้าของตาเมื่อต้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
ใครที่ต้องใช้ชีวิตอยู่หน้าจอตลอดเวลา
บิลเบอร์รี่เป็นสารที่คุณควรหามาเติมให้ร่างกาย
สั่งซื้อผ่านระบบ Website
สามารถเลือกชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง
1. โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร
2. ชำระผ่านบัตรเครดิต
3. เก็บเงินปลายทาง
VISPRO 30 แคปซูล
690 บาท (ราคาปกติ 990 บาท)
VISPRO 2 แถม 1
1,380 บาท (ราคาปกติ 2,970 บาท)
VISPRO 5 แถม 3
3,450 บาท (ราคาปกติ 7,920 บาท)
ผลลัพธ์ดีๆ ที่อยากจะบอกต่อ